รถโฟล์คลิฟท์ได้รับความนิยมและใช้กันอย่างแพร่หลายในธุรกิจโรงงานอุตสาหกรรม โกดังเก็บสินค้า และในธุรกิจโหลดสินค้าเข้าตู้คอนเทนเนอร์ ด้วยความกระทัดรัดของตัวรถทำให้สามารถทำงานในที่แคบได้เป็นอย่างดี อีกทั้งการควบคุมรถยังสามารถเรียนรู้และทำได้ง่าย ทำให้รถชนิดนี้นิยมนำมาใช้งานในธุรกิจทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ โดยเทคนิคการเลือกซื้อรถมาใช้งานสำหรับภาคธุรกิจ มีหลักในการคำนึงถึงเพียงไม่กี่ข้อดังต่อไปนี้
4 เทคนิคเลือกรถโฟล์คลิฟท์เพื่อธุรกิจของคุณ
ปัจจัยพื้นฐานในการเลือกซื้อรถโฟล์คลิฟท์มีอยู่ไม่มากนัก สามารถทำความเข้าใจได้ง่าย ๆ แต่ถ้าหากรถที่คุณต้องการซื้อเป็นรถมือสอง คุณจำเป็นต้องเพิ่มความรอบคอบในการตรวจสอบเครื่องยนต์และฟังก์ชันต่าง ๆ ให้มากขึ้น ซึ่งปัจจัยพื้นฐานที่จะช่วยให้คุณได้รถตรงตามความต้องการมีดังต่อไปนี้
1. ความสูงและพิกัดน้ำหนัก
โดยส่วนใหญ่พิกัดน้ำหนักของรถที่นิยมใช้คือ 500 กิโลกรัม หรือบางคนอาจจะใช้สูตรการเลือกรถโดยให้พิกัดน้ำหนักมากกว่าน้ำหนักสินค้าจริง แต่ข้อควรระวังคือ หากเลือกซื้อรถที่มีพิกัดน้ำหนักมากเกินไปจะทำให้รถมีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย ซึ่งอาจจะไม่เหมาะสมกับพื้นที่หน้างานจริง ดังนั้นไม่ต้องเผื่อน้ำหนักมากนักเพื่อความคล่องตัวในการใช้งาน ส่วนความสูงในการยกสินค้า ถึงแม้ว่ารถทุกคันจะมีความสูงของเสายกกำหนดมาให้ แต่ในการใช้งานจริงต้องคำนึงถึงขนาดของชิ้นงานและน้ำหนักสินค้าเป็นหลัก เพราะยิ่งยกสูงขึ้นเท่าไหร่ ความสมดุลก็จะยิ่งลดลงเท่านั้น
2. เชื้อเพลิงและพลังงานของรถ
รู้หรือไม่ว่ารถโฟล์คลิฟท์ในปัจจุบันมีให้เลือกทั้งแบบระบบไฟฟ้า และแบบเครื่องยนต์ซึ่งสามารถแยกออกไปได้อีกเป็นแบบเครื่องยนต์เบนซิน ดีเซล และแก๊ส LPG เทคนิคการเลือกซื้อรถให้เหมาะสมกับธุรกิจคือ รถไฟฟ้าจะช่วยเรื่องของมลพิษเพราะไม่มีควันทำลายสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังไม่มีเสียงรบกวน เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่มีพื้นที่มากนัก ส่วนรถที่ใช้เครื่องยนต์จะเหมาะกับการใช้งานกลางแจ้งที่ต้องยกสินค้าชิ้นใหญ่อยู่เป็นประจำ โดยเครื่องยนต์ดีเซลจะเหมาะสมกับงานแบบนี้ที่สุด หากพื้นที่ทำงานอยู่ในอาคารใช้งานไม่หนักมาก สามารถเลือกได้ทั้งแบบรถไฟฟ้าและแบบเครื่องยนต์เบนซิน ส่วนการติดตั้งแก๊ส LPG จะเป็นเรื่องของการประหยัดเชื้อเพลิง ซึ่งขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคนว่าต้องการติดตั้งหรือไม่
3. สภาพโดยรวมของโฟล์คลิฟท์มือสอง
สำหรับผู้ที่ตัดสินใจเลือกซื้อรถโฟล์คลิฟท์มือสอง นอกจากจะมีช่างผู้เชี่ยวชาญไปร่วมตรวจสอบเครื่องยนต์แล้ว การตรวจสอบสภาพรวมภายนอกก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง เริ่มด้วยการตรวจดูปลายงาว่ามีการหุ้มเหล็กเสริมหรือไม่ และเหล็กที่หุ้มเสริมนั้นมีความหนาหรือบางอย่างไร เพราะเหล็กที่หุ้มปลายงาจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของตัวงายกสินค้า ขณะใช้งานจะไม่เกิดการแตกหรือบิดเบี้ยว ลำดับต่อมาคือการทดสอบระบบไฮดรอลิกของรถว่าสามารถสั่งงานยกขึ้น-ลงได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ ส่วนเรื่องเครื่องยนต์ อะไหล่ และการซ่อมแซมต่าง ๆ ควรปรึกษากับช่างที่ไปด้วย ว่ามีความคุ้มค่าที่จะเลือกซื้อมากน้อยเพียงใด
4. ความสำคัญของพื้นที่หน้างาน
พื้นที่หน้างานมีความสำคัญอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อ เพราะถ้าไม่นำเอาพื้นที่หน้างานมาเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักในการเลือกซื้อ รถที่ได้มาอาจจะใช้ได้ไม่คุ้มค่า โดยพื้นที่คับแคบควรใช้รถที่มีน้ำหนักพิกัดประมาณ 500 กิโลกรัมเนื่องจากตัวรถจะมีขนาดเล็ก และหากพื้นที่ใช้งานมีความชื้นหรือเปียกน้ำอยู่ตลอดเวลา ควรเลือกซื้อรถที่ใช้วัสดุสเตนเลส หรือเหล็กกัลวาไนซ์เป็นหลัก ไม่ควรซื้อรถที่เป็นเหล็กทั้งคันเพราะเสี่ยงต่อการโดนสนิมกัดกร่อน อายุการใช้งานไม่คงทน
เทคนิคการเลือกซื้อรถโฟล์คลิฟท์มีปัจจัยพื้นฐานในการเลือกซื้อดังที่ได้กล่าวมา โดยจะเห็นได้ว่าหัวใจหลักจริง ๆ ในการเลือกซื้อคือน้ำหนักสินค้า ขนาดชิ้นงาน และลักษณะของพื้นที่หน้างาน หากการเลือกซื้อรถปราศจากการนำเอาหัวใจหลักเหล่านี้มาพิจารณา ก็มีความเสี่ยงในการได้รถที่ใช้งานได้ไม่เต็มที่ มีข้อจำกัด และอาจจะต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อซื้อรถใหม่อีกคัน ดังนั้นไม่ว่าเทคนิคในการเลือกซื้อจะมีกี่ข้อก็ตาม จะต้องนำมาเปรียบเทียบกับสินค้าและหน้างานเสมอว่ามีความเหมาะสมกันหรือไม่